เคล็ดลับในการจัดห้องต่างๆ ภายบ้านให้ดูเป็นระเบียบ น่าอยู่อาศัย ดูทันสมัยและสวยงามมากขึ้นด้วยวิธีการการจัดบ้านแบบง่ายๆ เพียงแค่ 6 ขั้นตอนแต่มีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ

เคล็ดลับการจัดบ้านให้สวยงามและน่าอยู่จนไม่มีใครอยากออกไปที่ไหน

เคล็ดลับการจัดบ้านให้สวยงามและน่าอยู่จนไม่มีใครอยากออกไปที่ไหน

เคล็ดลับการจัดบ้าน-12

เคล็ดลับการจัดบ้านให้สวยด้วยวอลเปเปอร์

บ้านคือสถานที่ที่เราใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจจากวันที่เหนื่อยล้ากับการทำงานหรือการเรียน ดังนั้นไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ไม่อาจทำให้เรารู้สึกสบายใจได้เท่ากับที่บ้านอีกแล้ว แต่จะดีกว่ามั้ยหากเราสามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงบ้านให้น่าอยู่อาศัยมากขึ้นกว่าเดิมด้วยวิธีการจัดบ้านแบบง่ายๆ กับขั้นตอนที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะแต่งเติมด้วยวอลเปเปอร์หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ มาตกแต่งให้บ้านของคุณดูสวย ทันสมัยได้ตามสไตล์ที่คุณชื่นชอบ

การจัดแต่งห้องให้สวยงามและน่าอยู่

1. การจัดแต่งโซนบ้านอย่างเป็นสัดส่วน เราควรแบ่งโซนห้องต่างๆ ไว้อย่างชัดเจนว่ามุมไหนคือห้องไหนเพื่อที่บ้านจะได้ดูเป็นระเบียบมากขึ้น รวมทั้งจัดระเบียบข้าวของให้เหมาะสมกับห้องแต่ละห้อง อย่าเอาของที่ควรไว้ในห้องนึงไปเก็บไว้อีกห้องนึงเพราะจะทำให้ห้องนั้นๆ ดูรกและไม่เป็นระเบียบ อาทิเช่นห้องครัวก็ควรเอาไว้เก็บเฉพาะวัตถุดิบอาหาร กระทะและภาชนะใส่อาหารต่างๆ ส่วนห้องนอนสำหรับพักผ่อนก็ไม่ควรสุมข้าวของไว้มากมายจนเกินไป รวมทั้งห้องนั่งเล่นที่อาจมีข้าวของวางระเกะระกะมากมายทำให้ใช้ประโยชน์ใช้สอยได้อย่างไม่เต็มที่

2. การจัดวางแผนผังการเข้าออกภายในบ้าน ควรมีการวางแผนผังเรื่องของประตูที่ใช้เปิดเข้าออกภายในบ้านให้เหมาะสมเพื่อความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน อาทิเช่น ระยะห่างจากประตูรั้วกับประตูภายในบ้านที่ไม่ควรห่างไกลกันจนเกินไป ประตูห้องครัวควรอยู่ติดกับห้องทานอาหารเพื่อความสะดวกในการจัดโต๊ะ ส่วนห้องทำงานและห้องนอนควรแยกไปไว้ในโซนที่เงียบสงบเพื่อที่จะได้ไม่ถูกรบกวน เป็นต้น

3. พื้น ตัวช่วยในแบ่งโซนสำหรับทำกิจกรรมภายในบ้าน พื้นบ้านควรใช้รูปแบบเดียวกันหรือมีโทนสีไปในทิศทางเดียวกัน เราควรเลือกตกแต่งพื้นให้เข้ากับลักษณะของตัวบ้านและห้องแต่ละห้อง แต่ไม่ควรแยกส่วนพื้นบ้านมากจนเกินไปเพราะจะทำให้ดูอึดอัดและขาดความต่อเนื่อง ห้องนอนหรือห้องพระอาจใช้วัสดุไม้ปาเก้หรือลามิเนตเพราะพื้นไม้จะไม่ดูดซับความเย็น ส่วนภายในห้องน้ำ ห้องครัวหรือห้องรับประทานอาหารควรใช้วัสดุแบบกระเบื้องดีกว่าใช้แบบไม้เพราะสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย แข็งแรง ทนทานและกันน้ำได้ดี

4. การวางตำแหน่งโคมไฟ เราควรคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้สอยเป็นหลัก ห้องที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานหรืออ่านหนังสืออย่างเช่น ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องนอน ควรเลือกใช้โคมไฟที่ให้ความสว่างเพียงพอแก่การทำกิจกรรมในห้องนั้นๆ ส่วนห้องรับแขกหรือห้องรับประทานอาหารที่ต้องไว้ใช้ต้อนรับแขกก็อาจเลือกใช้โคมไฟที่ดูมีความสวยงามอย่างโคมไฟระย้าเพื่อให้บ้านดูสวยงามและทันสมัยมากยิ่งขึ้น

5. การวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ภายในบ้าน อาทิเช่น โซฟา โต๊ะกาแฟและทีวีควรอยู่ภายในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก โต๊ะรับประทานอาหารควรอยู่ในห้องทานอาหาร เตียงนอนและตู้เสื้อผ้าควรอยู่ในห้องนอน ตู้เก็บเอกสารและโต๊ะทำงานควรอยู่ในห้องทำงาน เป็นต้น ไม่ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไปเพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัดและเดินเหินได้ไม่สะดวก นอกจากนี้ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆ ให้เป็นสัดส่วนอย่านำมาปนกันเพราะจะทำให้บ้านดูไม่เป็นระเบียบและอาจเสียเวลาในการค้นหาสิ่งของนั้นๆ ได้ค่ะ

ติดวอลเปเปอร์ให้เหมาะสมกับผนัง

การจัดตกแต่งผนังห้อง ภายในบ้านไม่ควรกั้นผนังห้องมากจนเกินไป ควรเปิดพื้นที่ให้โล่งบ้างเพื่อทำให้บ้านดูสว่าง อากาศถ่ายเทได้สะดวกมากยิ่งขึ้นและดูไม่อึดอัดจนเกินไป อาจเลือกทาสีหรือติดวอลเปเปอร์ให้เหมาะสมกับผนังแต่ละห้องเพื่อให้บ้านดูสวยงามและทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจนำรูปภาพ กระจกหรือดอกไม้มาประดับตามฝาผนังเพื่อให้บ้านดูมีเอกลักษณ์โดดเด่นและดูไม่จำเจค่ะ


  • Social Links: